หน้าเว็บ

เป้าหมายหลัก

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ครูใหญ่ Open eyes โรงเรียนสุขภาวะ : อำเภอกันทรลักษณ์

ความรู้ใหม่ที่ได้รับ จากการ Open eyes โรงเรียนสุขภาวะ
  1. การสร้างแรง เปลี่ยนกรอบคิด  ทุกกิจกรรมทุกขั้นตอน จะมีเรื่องราว เรื่องเล่ามาให้ฟัง 
  2. ครูใหญ่นำเรื่องราวมาสร้างแรง  โดยได้นำเรื่องราวของคุณอากิ ที่เป็นการตื่นรู้ เล่าเหตุการณ์ของคุณอากิ ที่ตื่นจากการเห็นแค่ตัว มาเป็นเห็นโลก เห็นผู้อื่น เช่นเดียวกับกรอบคิดทางการศึกษาที่ติดในรูปแบบเดิมในการสอนแยกเป็นรายวิชา ซึ่งเหมาะกับเมื่อ 200 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่ตื่นรู้เกี่ยวกับปัจจุบัน ณ วันนี้ที่เด็กควรได้รีบการเรียนรู้แบบใหม่
  3. การมีจิตใหญ่ ประเด็นนี้ได้กล่าวถึงในการPLC กับครูตะเคียนราม หลายๆคนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการมีจิตใหญ่ ซี่งจะได้เสริมให้คุณครูด้วย
    1. จิตใหญ่ คือเห็นกว้าง เปิดกว้าง เชื่อมโยงตนเองและผู้อื่น สังคม ครอบครัว สิ่งแวดล้อม น้ำอากกาศรวมทั้งจุลินทรีย์ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีความสุข
    2. จิตเล็ก เห็นแคบ ถูกครอบ ตัดขาด อึดอัด เกิดทุกข์
  4. ครูที่เป็นอยู่ในตอนนี้จะมองเห็นความสำเร็จในอดีต แต่เด็กยุคใหม่นี้จะมองไปถึงอนาคต ซึ่งมันขัดแย้งกัน
    1. เด็ก Gen ใหม่ มีวิธีการเรียนรู้แบบใหม่
    2. ครู Gen เก่า มีวิธีการเรียนรู้แบบเดิม
  5. โลกของการเรียนรู้ในอดีตที่เน้นจำความรู้จากครู ซึ่งโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว โดยยกตัวอย่างตัวอย่างธรรมชาติในการเรียนรู้ของมนุษย์  ธรรมชาติของมนุษย์ที่มีการเรียนรู้อยู่ 3 ระดับ
    1. สุตมยปัญญา(สุตะมะยะปัญญา)  คือการจำเอาความรู้มา
    2. จิตมยปัญญา  (จิตตะมะยะปัญญา)เอาความรู้มาคิดใคร่ครวญ เพื่อเชื่อมโยงความเข้าใจ สร้างเป็นความเข้าใจชุดหนึ่งขึ้นมา (ซึ่งใช้ประโยชน์ได้)
    3. ภาวนามยปัญญา  (ภาวนามะยะปัญญา) เอาไปลงมือทำ  ทำแล้วจดจ่อ ทำด้วยความสุข แล้วทำอย่างต่อเนื่องจนเกิดความท่อแท้ จนเกิดสภาวะความเข้าใจ 
6.กรอบความคิดของมนุษย์(Mindset)ที่มีอยู่ 2 วิธี (1.Fixed mindset กระบวนทัศน์ที่หยุดนิ่ง , 2.Growth mindset กระบวนการคิดที่เติบโต) 
การที่เราจะสร้างปรากฏการใหม่ได้นั้นต้องคิดแบบ Growth mindset 
          7. กระบวนการของจิตศึกษา(กระบวนทัศน์) ที่ได้เรียนรู้ใหม่ และสามารถนำไปปรับใช้ได้
กิจกรรม
- ครูต๋อยเปิดคลิป VDO การทำจิตศึกษา 3 คลิป (ครูกลอยอนุบาล,โรงเรียนวัดตากาวน,โรงเรียนโนนกระปรอก) 
- แบ่งกลุ่ม 5-10 คน แจกกระดาษบรุ๊ฟและอุปกรณ์เขียน
- ครูต๋อยให้โจทย์คือ 1.กระบวนการ/ขั้นตอนที่เห็นมีอะไรบ้าง? 2.ท่าทีครูเป็นอย่างไร? 3.ท่าทีเด็กๆเป็นอย่างไร? 4.คิดว่าเด็กๆได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรม
จิตวิทยาเชิงบวก
- เล่าเรื่องของ ชายฝรั่งที่มีผลการเรียนดี จบมหาลัยดังตั้งแต่อายุยังน้อย สุดท้ายเขากลับกลายเป็นผู้ก่อการร้ายที่หาตัวได้ยากมาก ซึ่งเป็นมาจากการวิจัยเกี่ยวกับการทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์
- เข้ากลุ่มแล้วเล่าประสบการณ์สิ่งที่ตนเองเคยถูกกระทำ และเคยกระทำกับคนอื่นที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นการทำลายคุณค่าของคนๆนั้น

           8. อื่นๆ ที่เป็นแนวทาง
  • “คุณอากิทำงานกับสายการบิน Japen airline จนได้เป็นระดับผู้จัดการ อยู่มาวันหนึ่ง(ประมาณปี 2010) สายการบินนี้เกิดล้มสลาย ประกอบกับปีนั้นภรรยาของเขาเกิดเป็นมะเร็ง แล้วก็มีอีกเหตุการณ์ที่เกิด สึกนามิในประเทศญี่ปุ่น แล้วเตาปฏิกรรั่ว  ซึ่งเหตุการณ์ 3 เหตุการณ์ทำให้เขากลับมาตั้งสติ แล้วเลือกที่จะทำกับชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร โดยเลือก 3 อย่างคือ 
1.จะทำงานที่ไม่มีค่าตอบแทน(อาสาสมัคร) 
 2.เขาจะดูแลสุขภาพโดยการเดิน  
3.เขาจะมีความสุขทุกวันด้วยการอยู่กับปัจจุบัน 

ภาวะการตื่นของคุณอากิ หลังจาก 3 เหตุการณ์ดังกล่าว
Selfish  เป็น  Non Selfish  คือ  ตื่นจากความเห็นแก่ตัว กลายเป็นไม่เห็นแก่ตัว(ภาวะที่ไม่เห็นแก่ตัวคือภาวะที่เชื่อมตัวเองกับโลกภายนอก สู้สรรพสิ่ง สู่จักวาลจิตจะใหญ่มาก จิตจะเปิดออก จิตจะเชื่อมต่อ จิตจะเป็นหนึ่งเดียว)
Selfish จะมองแค่ตัวเอง ถูกตัดขาด อึดอัด

สุขภาวะ  สุขภาวะที่ไม่ใช่แค่สุขภาพเพียงอย่างเดียว
  • ครูใหญ่ตั้งคำถามสำหรับการศึกษา (นักการศึกษา)
- การศึกษา อย่างไร? 
-  การเรียนรู้อย่างไร ?  
การศึกษา หรือการเรียนรู้อย่างไร ที่จะนำมาสู่การตื่นรู้ และความมีสุขภาวะ ยกตัวอย่างการศึกษา ผลสัมฤทธิทางการศึกษา โดยการสอบ Pica ที่อยู่ในระดับต่ำมาก แต่การอ่านออกเขียนไม่ได้กลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เรื่องคือการอ่านจับใจความ การอ่านแล้วตีความให้ได้ทำให้ทำโจทย์ไม่ได้ คนที่อ่านออกเขียนได้เองนั้นมีปัญหาที่ซ่อนไว้อยู่คืออ่านเนื้อความได้ไม่แตก 


ทักษะ 3 อย่างในโลกที่จำเป็นสำหรับในอนาคต
  1. ความสามารถในการเข้าถึงความจริง จากโลกออนไลน์ (เพราะว่าเด็กทุกคนมนอนาคตนั้นอยู่ในโลกออนไลน์)
  2. อ่านแล้วจับใจความ แล้วตีความ 
  3. ชั่งน้ำหนักแล้วตัดสินใจ ชั่งน้ำหนักให้ใกล้กับความจริงให้มากที่สุด  (เช่นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันคือวัดธรรมกาย  ซึ่งทุกคนจะให้น้ำหนักที่ไม่เท่ากัน)


ครูที่เป็นอยู่ในตอนนี้จะมองเห็นความสำเร็จในอดีต แต่เด็กยุคใหม่นี้จะมองไปถึงอนาคต ซึ่งมันขัดแย้งกัน
  1. เด็ก Gen ใหม่ มีวิธีการเรียนรู้แบบใหม่
  2. ครู Gen เก่า มีวิธีการเรียนรู้แบบเดิม
ยกตัวอย่างพนักงานบริษัท Google ที่ไม่สนใบปริญญาบัตร แต่แค่ที่คุณทำงานเป็นหรือไม่  (โลกนี้มีอัตตา มีตัวตนสูง  ไม่ยอมเรียนรู้) 
นโยบายของบริษัท Google คือ เรียนรู้จาก Micro Learning  เรียนรู้จากบทความเล็กๆ คลิปเล็กๆ คิดใคร่ครวญแล้วสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ที่มีการเรียนรู้อยู่ 3 ระดับ
  1. สุตมยปัญญา(สุตะมะยะปัญญา)  คือการจำเอาความรู้มา
  2. จิตมยปัญญา  (จิตตะมะยะปัญญา)เอาความรู้มาคิดใคร่ครวญ เพื่อเชื่อมโยงความเข้าใจ สร้างเป็นความเข้าใจชุดหนึ่งขึ้นมา (ซึ่งใช้ประโยชน์ได้)
  3. ภาวนามยปัญญา  (ภาวนามะยะปัญญา) เอาไปลงมือทำ  ทำแล้วจดจ่อ ทำด้วยความสุข แล้วทำอย่างต่อเนื่องจนเกิดความท่อแท้ จนเกิดสภาวะความเข้าใจ
เหมือนกับโลกของการศึกษาแบบเดิมนั้น เราเน้นให้สุตมยปัญญา คือจำที่ครูสอน แต่โลกปัจจุบันนั้นไม่ใช่แล้ว(ยกตัวอย่างการทำงานของพนักงาน Google) 

กรอบความคิดของมนุษย์(Mindset)ที่มีอยู่ 2 วิธี (1.Fixed mindset กระบวนทัศน์ที่หยุดนิ่ง,2.Growd mindset กระบวนการคิดที่เติบโต) กรอบความคิดนี้มาจาก  แบบแผนพฤติกรรมเดิมของมนุษย์นั่นเอง (เช่นในอดีตมนุษย์กินข้าววันละ 2มือในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เข้มข้นทำให้เปลี่ยนไป มาเป็นระบบอุตสาหกรรม จัดการเวลาใหม่เพื่อทำให้มนุษย์ทำงานได้มากขึ้น ได้ผลผลิตมากขึ้น นั่นคือแบบแผนพฤติกรรมของมนุษย์)
จริงๆแล้วมนุษย์เรายิ่งกินกข้าวน้อยยิ่งสร้างระบบคุ้มกันในร่างกายได้ดี แต่ด้วยระบบ Mindset ของเราว่าด้วยการกินข้าว 3มือมานั่นเอง

เช่นเดียวกับ Mindset ทางการศึกษาที่ถูกสร้างมา 
  • วิชา คณิต ภาษา วิทย์ สังคม ฯลฯ (ต้องสอนเป็นวิชา)
  • ทักษะ  อ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น  (ซึ่งทักษะการคิดเลขป็นทักษะที่ต่ำสุดในการเรียนรคณิตศาสตร์)
  • อาชีพ ผู้ประสบผลสำเร็จต่อทำอาชีพ ข้าราชการ หมอ พยาบาล ทนาย ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งอาชีพนี้จะหายไปในอนาคต และจะมีอาชีพใหม่ในอนาคต
  • วิธีสอน  การถ่ายทอดความรู้ยังเป็นวิธีที่ถูก 
  • การวัดผล  การสอบเป็นวิธีที่ถูก
ฯลฯ
    การที่เราจะสร้างปรากฏการใหม่ได้นั้นต้องคิดแบบ Growth mindset 


การศึกษาที่แท้ควรจะปลดปล่อยจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ให้เป็นอิสระ เพื่อให้เข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ที่สำคัญคือการเรียนรู้
Out come สำหรับการศึกษาคือ มนุษย์ที่สมบูรณ์ โดยประกอบไปด้วย “ปัญญาภายในและปัญญาภายนอก” เห็นตัวเองและเห็นโลกภายนอก
จิตศึกษา เริ่มต้นเมื่อปี 2548 ซึ่งก่อนหน้านั้นเริ่มในปี 2546 เรียกกิจกรรมพัฒนาคลื่นสมองต่ำ เพราะLPMP เริ่มต้น Brain Based Learning จัดการเรียนรู้ที่สอดรับกับสมอง
จิตปัญญา ซึ่งมีสอนที่ม.มหิดล ระดับป.โท และป.เอก เริ่มต้นเมื่อปี 51 คุณหมอประเวศ อยากให้เกิดการสอนที่ทำให้มนุษยน์นั้นค้นพบความจริงเลยมอบให้ม.มหิดลสร้างหลักสูตรขึ้นมา

ทำไมต้องจิตศึกษา?
จิตศึกษาทำให้ผู้เรียนตื่นรู้ 

ตื่นรู้คือ การเข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ(Truth) ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึก จิตหลุดออกจากความบีบคั้นของเปลือก  จิตเป็นอิสระ และเชื่อมต่อกับสรรสิ่งได้ง่าย



วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จิตศึกษา "ดนตรีดลใจ" ในช่วงชั้นที่ 2

มอบความสุขให้กับเด็กๆ
สัปดาห์นี้จัดกิจกรรมจิตศึกษา "ดนตรีดลใจ" ในช่วงชั้นที่ 2