ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
...ผมเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านแห่งนี้แบบคร่าวๆ ว่าเป็นวัดที่ พระสามารถร้องเพลงและเล่นกีฬาได้ ซึ่งรู้สึกว่าคัดจากสิ่งที่เคยพบและสัมผัส ต่างจากวัดที่อื่นๆที่พระต้องสำรวมและร้องเพลงไม่ได้
...สิ่งแรกที่เข้าไปได้สัมผัส เป็นบรรยากาศที่ร่มเย็น(อาจจะเป็นเพราะช่วงหน้าฝนด้วย ผมคิดอย่างนั้น) มองไปรอบๆเป็นภูเขา ต้นไม้มากมายหลายชนิด เห็นหลวงพี่กำลังทาสีเหล็กท่อนยาวๆ ชุดที่สวมใส่ต่างจากพระแถวบ้านเราเลย ผมเกิดคำถามในใจวัดนี้เป็นนิกายไหน?..อย่างไร?..และก็มีหลวงพี่(สามเณรี) มาต้อนรับ พูดไทยไม่ค่อยชัด แต่พอฟังรู้เรื่องเพราะว่าเป็นพระมาจากเวียนนามนั่นเอง
สิ่งที่กังวลในวันแรก คือการวางตัวเพราะว่ายังไม่รู้วิถีและการปฏิบัติ แม้กระทั่งการรับประทานอาหารเพราะเป็นอาหารมังสวิรัต นับว่าเป็นการปรับตัวที่เร็วเพราะอยู่ด้วยความผ่อนคลาย แต่จะตื่นแต่เช้ามานั่งสมาธิและเดินกำกับสติ ชมธรรมชาติ บ่อยครั้งที่เกิดอาการง่วงนอน
ในการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะได้รู้จักคุณครูที่สอนนักเรียนแล้วยังมีหลายๆท่านที่ทำงานต่างๆ
พี่เรือรบ "เป็นครูฝึกทหารเรือ ซึ่งมากับแฟนที่ทำธุรกิจในการอบรมนักเรียนและนักศึกษา พี่เรือรบเป็นนักเขียนประเภท..(ไม่แน่ใจครับ) ผมได้เรียนรู้กับพี่เรือรบในภาวะการเป็นผู้นำทั้งการวางตัว การพูดจา ในที่นี้การวางตัวของพี่เขาไม่ใช่ว่าต้องพูดเสียงดัง ชะฉาน แต่พี่วางตัวเป็นมิตรกับทุกคน พูดเป็นกันเอง
จากประสบการณ์ที่พี่เรือรบ เคยเป็นนักเรียนทหารนั้นรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ค่อยอยากเรียนเพราะว่าเป็นสิ่งที่ตนเองไม่ชอบในบางวิชา พอตนเองมาเป็นครูฝึกก็ได้เรียนรู้ และพยายามหาสิ่งที่จะนำไปใช้กับรุ่นน้อง (การเข้าใจตนเองเพื่อเข้าใจผู้อื่น)"
พี่เรียว "พี่เรียวทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล อ.สีคิ้ว เป็นนักจิตวิทยาคอยฝึกอบรมให้กับนักโทษ ซึ่งอบรมเป็นหลักสูตร เช่น นักโทษใหม่ที่พึ่งเข้าเรือนจำ นักโทษที่กำลังจะออกจากเรือนจำ(พ้นโทษ) เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมภายนอกที่เปลี่ยนไป ให้อยู่ในสังคมไม่เป็นภัยต่อผู้อื่น ประมาณนี้แหล่ะครับ..
นอกจากนี้หลายท่านที่ได้ร่วมสนทนากันในระหว่างพักกิจกรรม และก่อนเข้านอนเราก็มาสนทนาแลกเปลี่ยนกัน หนึ่งในนั้นจะมีพี่ปล้องผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านพลัมมานาน จริงๆแล้วพี่ปล้องเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ(สอนวิชาพละ เช่นยูโด เป็นต้น)
สิ่งที่ได้เรียนรู้
1.กิจกรรมที่เหมือนและต่าง ซึ่งกิจกรรมของที่นี้ให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนกัน โดยหลวงพี่ให้แบ่งกลุ่มแล้วแลกเปลี่ยนกันมากกว่าการบอก เพราะแต่ละคนก็มาจากหลายๆองค์กร และผมก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนในกิจกรรมนั้นด้วย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวที่โรงเรียนก็ใช้เป็นกิจกรรม PLC
2. การร้องเพลง ที่พระสามารถร้องเพลงได้ ผมได้ถามพี่ปล้องผู้ที่อยู่ที่นั่นนาน "พี่ปล้องคับ พี่คิดยังไงกับการที่หลวงพี่ร้องเพลง ?"
"บทสวดมนต์มีทำนองไหมคับ? พี่ปล้อง
............ผมนั่งคิดอื่นๆอีกนอกจากนี้ที่เป็นวินัยสงฆ์เป็นยังไง แต่ที่รู้คือเพลงทำให้ผ่อนคลาย และทำให้กลับมารู้ตัว เพราะเพลงที่ร้องนั้น เนื้อเพลงเป็นการภาวนาส่วนใหญ่มาจากพระสูตร และคำสอนของพระพุทธองค์ สร้างความสงบ หล่อเลี้ยงความเบิกบาน
3. ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง บรรยาการศในชั้นเรียนนั้นสำคัญไม่น้อยเพราะฉะนั้นครูมีความสุข นักเรียนก็มีความสุข ท่าทีของครูที่เป็นมิตร เด็กจะรู้สึกผ่อนคลายพลังงานที่รับรู้ได้จากทั้ง2ฝ่าย ครูคือผู้นำการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเด็กจะมาในภาวะอารมณ์ไหนหากครูทำให้เด็กผ่อนคลายได้นักเรียนก็พร้อมเรียนรู้
4. กิจกรรมผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเหมือนกับกิจกรรม Body scan ในช่วงก่อนเริ่มเรียนในภาคบ่าย การใช้จิตวิทยาเชิงบวก ป้อนคำพูดที่ให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น "หายใจเข้า รับรู้ตัวเองว่ายังมีลมหายใจ หายใจออก รับรู้ว่า รู้สึกบาน" เป็นต้น
5. การอยู่กับตัวเองชั่วขณะ กลับมารู้ตัวเองได้เร็ว ใคร่ครวญสิ่งต่างๆ มีสติตลอดเวลา
สิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้
1.กิจกรรมภาวนาด้วยบทเพลง เพราะว่าสามารถปรับเข้ากับกิจกรรมจิตศึกษา "ดนตรีดลใจ"และเพลงเก็บเด็กที่ทำให้รู้สึกสนุกและผ่อนคลายกับบทเพลงซึ่งจะมีทั้ง เวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษนักเรียนยังได้เรียนรู้ทางด้านภาษาต่างประเทศ
2. การกลับมารู้ตัวเอง ปรับใช้กับตนเองในการทำงานและการอยู่กับเด็ก การกำกับสติ อยู่กับลมหายใจใคร่ครวญตัวเองเพื่อผ่อนคลายจิตใจ การควบคุมอารมณ์ในการทำงานกับทีม กับครูในโรงเรียนและกับนักเรียน
3.กิจกรรมออกกำลังกาย ใช้กระบอง ซึ่งสามารถใช้สลับเปลี่ยนกับกิจกรรมจิตศึกษา โยคะ เพื่อความหลากหลายในกิจกรรมไม่ใหเด็กรู้สึกเบื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น